ครูชีวัน วิสาสะ ผู้มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับหนังสือเด็ก ทั้งการแต่งหนังสือนิทาน การทำสื่อ
ประกอบการเล่านิทาน ได้มาอบรมพ่อแม่ ผู้ปกครองของเด็กปฐมวัยในเขตพื้นที่การศึกษา เขต 1 และเขต 2 จำนวน 200 คน ณ โรงเรียนอนุบาลราชบุรี เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2553 ครูชีวันได้นำเสนอกิจกรรมที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก เสนอแนะการทำสื่อประกอบการเล่านิทานอย่างง่ายๆ แต่มีคุณค่าและมีประโยชน์ โดยทีมงานนิตยสาร Mother & Care ได้เตรียมอุปกรณ์ มาให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมทุกคนได้ร่วมทำสื่อ เช่น หนังสือนิทานเล่าเรื่อง ตา ยายปลูกถั่ว ปลูกงาให้หลานเฝ้าซึ่งเป็นเรื่องแต่ดั้งเดิมแต่ยังมีคุณค่าอยู่ การสาธิตการพับอุปกรณ์ ตัวละคร สัตว์ ในนิทาน ที่เล่าให้เด็กฟัง กิจกรรมต่างๆ ทำให้พ่อ แม่ ผู้ปกครองประทับใจ ได้เกิดความตระหนักในการร่วมมือกันส่งเสริมการรักการอ่านโดยการเล่านิทานให้กับเด็กปฐมวัยได้ฟังตั้งแต่ยังเล็กอยู่ การอบรมดังกล่าวถือว่ามีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง ควรที่จะให้ผู้ที่พ่อ แม่ ผู้ปกครองทุกคนได้ตระหนัก และนำไปปฏิบัติกับลูกหลานของเราให้ได้
วันเสาร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2553
อ่าน เล่น เรียนรู้ ตามสมรรถนะเด็กไทย
เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2553 ที่โรงเรียนอนุบาลราชบุรี มีการอบรมครูปฐมวัย ของสพท. รบ. 1
และ 2 จำนวน 200 คน โดยสภาการศึกษา มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก T. K.PARK และนิตยสาร Mother& Careได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเด็กไทยตามสมรรถนะที่สภาการศึกษาได้ทำการวิจัยไว้ จึงจัดอบรมครูเพื่อจัดกิจกรรมอ่าน เล่น ให้เด็กไทยมีสมรรถนะด้านต่างๆ มีรศ. ดร.จิตตินันท์ เดชะคุปต์
แห่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นวิทยากรให้การอบรม พร้อมคณะทีมงานที่มีคุณสรวงมนฑ์
สิทธิสมาน บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother & Care เป็นหัวหน้าทีมงาน การอบรมที่จังหวัด
ราชบุรีเป็นจุดแรกของการอบรม ส่วนจุดอื่นๆของประเทศไทยก็จะไปที่ เชียงราย อุบลราชธานี
นครสวรรค์ และสุราษฎ์ธานี การอบรมทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง ในด้านความรู้เกี่ยวกับการ
อบรมเลี้ยงดูแล้วส่งผลให้ครูมีความมั่นใจต่อการเตรียมความพร้อมให้เด็กพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
ได้เห็นความสำคัญและประโยชน์อย่างมหาศาลของการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง การเล่านิทานให้
เด็กตั้งแต่เล็กๆ เป็นต้น ถือว่าเป็นก้าวหนึ่งที่ทำให้กับเด็กปฐมวัยได้พัฒนาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
ในอนาคต
และ 2 จำนวน 200 คน โดยสภาการศึกษา มูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก T. K.PARK และนิตยสาร Mother& Careได้ร่วมมือกันเพื่อพัฒนาเด็กไทยตามสมรรถนะที่สภาการศึกษาได้ทำการวิจัยไว้ จึงจัดอบรมครูเพื่อจัดกิจกรรมอ่าน เล่น ให้เด็กไทยมีสมรรถนะด้านต่างๆ มีรศ. ดร.จิตตินันท์ เดชะคุปต์
แห่งมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช เป็นวิทยากรให้การอบรม พร้อมคณะทีมงานที่มีคุณสรวงมนฑ์
สิทธิสมาน บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Mother & Care เป็นหัวหน้าทีมงาน การอบรมที่จังหวัด
ราชบุรีเป็นจุดแรกของการอบรม ส่วนจุดอื่นๆของประเทศไทยก็จะไปที่ เชียงราย อุบลราชธานี
นครสวรรค์ และสุราษฎ์ธานี การอบรมทำให้ได้ประโยชน์หลายอย่าง ในด้านความรู้เกี่ยวกับการ
อบรมเลี้ยงดูแล้วส่งผลให้ครูมีความมั่นใจต่อการเตรียมความพร้อมให้เด็กพัฒนาอย่างเป็นองค์รวม
ได้เห็นความสำคัญและประโยชน์อย่างมหาศาลของการอ่านหนังสือให้ลูกฟัง การเล่านิทานให้
เด็กตั้งแต่เล็กๆ เป็นต้น ถือว่าเป็นก้าวหนึ่งที่ทำให้กับเด็กปฐมวัยได้พัฒนาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ
ในอนาคต
วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553
กิจกรรมศูนย์อาเซียนศึกษา : โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา
ขณะนี้โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา ได้ดำเนินกิจกรรมศูนย์อาเซียนศึกษาไปได้หลายกิจกรรมแล้ว
อย่างการเรียนการสอนในทุกชั้นเรียน โดยการจัดรายวิชาเพิ่มเติมเรื่องอาเซียนศึกษา การบูรณา
การอาเซียนศึกษาในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
เป็นต้น กิจกรรมที่เด็กมีความสนใจคือ มีการสอนภาษาต่างประเทศที่สามคือ ภาษาพม่า ให้กับ
นักเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณในการจ้างครูมาสอนให้กับเด็ก สำหรับ
ต้นเดือนที่ผ่านมา วันที่ 10-12 มิถุนายน 2553 ณ โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต ปทุมธานี ทางโรงเรียนได้เข้าร่วมประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน มีโรงเรียนเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 54 โรงเรียน ได้แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ในกิจกรรมที่ได้ทำไปแล้ว และได้แนวคิดที่จะทำต่อไป โดยเฉพาะการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่นำเอาเรื่องอาเซียนศึกษาเข้าไปในหลักสูตร การจัดทำโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับครู นักเรียน ชุมชน ทั้งของโรงเรียนเอง และโรงเรียนเครือข่าย ตลอดจนโรงเรียนทั่วไป
อย่างการเรียนการสอนในทุกชั้นเรียน โดยการจัดรายวิชาเพิ่มเติมเรื่องอาเซียนศึกษา การบูรณา
การอาเซียนศึกษาในกลุ่มสาระการเรียนรู้สังคมศึกษาฯ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศ
เป็นต้น กิจกรรมที่เด็กมีความสนใจคือ มีการสอนภาษาต่างประเทศที่สามคือ ภาษาพม่า ให้กับ
นักเรียน ซึ่งทางโรงเรียนได้รับการจัดสรรงบประมาณในการจ้างครูมาสอนให้กับเด็ก สำหรับ
ต้นเดือนที่ผ่านมา วันที่ 10-12 มิถุนายน 2553 ณ โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต ปทุมธานี ทางโรงเรียนได้เข้าร่วมประชุมสัมมนาในโครงการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน มีโรงเรียนเข้าร่วมประชุมทั้งหมด 54 โรงเรียน ได้แลกเปลี่ยนการเรียนรู้ในกิจกรรมที่ได้ทำไปแล้ว และได้แนวคิดที่จะทำต่อไป โดยเฉพาะการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาที่นำเอาเรื่องอาเซียนศึกษาเข้าไปในหลักสูตร การจัดทำโรงเรียนให้เป็นแหล่งเรียนรู้ สำหรับครู นักเรียน ชุมชน ทั้งของโรงเรียนเอง และโรงเรียนเครือข่าย ตลอดจนโรงเรียนทั่วไป
วันพุธที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2553
กิจกรรมของ Buffer School : โรงเรียนบ้านตะโกล่าง
โรงเรียนบ้านตะโกล่าง อำเภอสวนผึ้ง ของจังหวัดราชบุรี เป็นโรงเรียนที่ดำเนินการ
โครงการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน กิจกรรม Buffer School ขณะนี้มีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ
ในเรื่องเกี่ยวกับอาเซียนศึกษา โดยเฉพาะการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน ที่สอดคล้อง
กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 คือมีการทำรายวิชาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง
อาเซียนศึกษา มีการนำเรื่องอาเซียนศึกษาไปบูรณาการกับกลุ่มสาระต่างๆ ตลอดจนนำไป
จัดทำในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับเรื่องอาเซียนศึกษาในปัจจุบันและในอนาคต ประเทศไทย
จะต้องเข้าไปร่วมมือและเกี่ยวข้องกับอาเซียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะต้องเตรียมเด็กไทยให้
พร้อมในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 -12 มิถุนายน 2553 ผู้อำนวยการโรงเรียน คือผอ.เฉลียว
เถื่อนเภา พร้อมด้วยบุคลากรของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ รวม 3 คน ได้ไปประชุมสัมมนา
ที่โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต ปทุมธานี มีกิจกรรมที่นำเสนอในที่ประชุมทั้งที่ทำไปแล้ว และที่จะ
ทำต่อไป ได้แก่ กิจกรรมร่วมกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์อาเซียน (พม่า มอญ กะเหรี่ยง)
กิจกรรมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ไทย -พม่า กิจกรรมค่ายลูกเสืออาเซียน เป็นต้น คาดว่าในปี พ.ศ. 2553 นี้โรงเรียนบ้านตะโกล่างคงจะเป็นแหล่งการเรียนรู้หรือศูนย์อาเซียนศึกษาที่จะทำให้เด็กนักเรียน ครู ประชาชน ทั้งของโรงเรียนบ้านตะโกล่างและโรงเรียนเครือข่าย ตลอดจนโรงเรียนทั่วไปได้ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องอาเซียนศึกษาได้อย่างมีคุณค่า
โครงการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน กิจกรรม Buffer School ขณะนี้มีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ
ในเรื่องเกี่ยวกับอาเซียนศึกษา โดยเฉพาะการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษาของโรงเรียน ที่สอดคล้อง
กับหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 คือมีการทำรายวิชาเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่อง
อาเซียนศึกษา มีการนำเรื่องอาเซียนศึกษาไปบูรณาการกับกลุ่มสาระต่างๆ ตลอดจนนำไป
จัดทำในกิจกรรมพัฒนาผู้เรียน สำหรับเรื่องอาเซียนศึกษาในปัจจุบันและในอนาคต ประเทศไทย
จะต้องเข้าไปร่วมมือและเกี่ยวข้องกับอาเซียนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจะต้องเตรียมเด็กไทยให้
พร้อมในเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 10 -12 มิถุนายน 2553 ผู้อำนวยการโรงเรียน คือผอ.เฉลียว
เถื่อนเภา พร้อมด้วยบุคลากรของโรงเรียนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ รวม 3 คน ได้ไปประชุมสัมมนา
ที่โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต ปทุมธานี มีกิจกรรมที่นำเสนอในที่ประชุมทั้งที่ทำไปแล้ว และที่จะ
ทำต่อไป ได้แก่ กิจกรรมร่วมกันอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมของชาติพันธุ์อาเซียน (พม่า มอญ กะเหรี่ยง)
กิจกรรมแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ไทย -พม่า กิจกรรมค่ายลูกเสืออาเซียน เป็นต้น คาดว่าในปี พ.ศ. 2553 นี้โรงเรียนบ้านตะโกล่างคงจะเป็นแหล่งการเรียนรู้หรือศูนย์อาเซียนศึกษาที่จะทำให้เด็กนักเรียน ครู ประชาชน ทั้งของโรงเรียนบ้านตะโกล่างและโรงเรียนเครือข่าย ตลอดจนโรงเรียนทั่วไปได้ใช้เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องอาเซียนศึกษาได้อย่างมีคุณค่า
วันจันทร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2553
การประชุมสัมมนาชี้แจงการดำเนินงานโครงการพัฒนาประชาคมสู่อาเซียน
ในวันที่ 10 - 12 มิถุนายน 2553 โรงเรียนในโครงการพัฒนาประชาคมสู่อาเซียน ของสพท.รบ 1
ที่เป็นโรงเรียน Buffer School คือโรงเรียนสวนผึ้งวิทยา และโรงเรียนบ้านตะโกล่าง ได้เข้าร่วมประชุม
สัมมนาโครงการดังกล่าว ที่โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต รังสิต ปทุมธานี การประชุมสัมมนาครั้งนี้
มีที่ปรึกษาโครงการเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก ที่ปรึกษาของโรงเรียนสวนผึ้งวิทยา และโรงเรียน
บ้านตะโกล่าง เป็นบุคคลที่มีคุณภาพและ อดีตเป็นข้าราชการ ของกระทรวงศึกษาธิการทั้งสองท่าน
โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา คือ ผศ. เทวี สวรรยาธิปัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และโรงเรียน
บ้านตะโกล่างคือ อาจารย์สุวรรณา ไชยวัฒนานนท์ ศึกษานิเทศก์ 9 สำนักงานการประถมศึกษา
จังหวัดราชบุรี ประเด็นสำคัญในเรื่องอาเซียนสำหรับการประชุมครั้งนี้คือ การชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ
ของอาเซียนที่คนไทยจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ การตระหนักในความสำคัญของอาเซียน การปฏิบัติตน ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียน สำหรับโรงเรียนในโครงการ ผลที่เกิดกับเด็ก
ครู ประชาชนในโรงเรียน และโรงเรียนเครือข่าย จะต้องแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
ก่อนอื่นต้องมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ดังนี้
ความเข้าใจในเรื่องประชาคมอาเซียน
ยุทธศาสตร์ประเทศไทยในประชาคมอาเซียน
อิทธิพลของกระแสโลกกระทบทั้งอาเซียนและประเทศไทย
กระแสโลกาภิวัตน์
เศรษฐกิจในอนาคต สังคมโลกในอนาคต
การรวมตัวของประเทศต่างๆ
เป้าหมายของอาเซียน
คุณลักษณะของเด็กไทย
ฯลฯ
ประเด็นที่สำคัญที่จะต้องช่วยกันทำให้สำเร็จคือ การพัฒนาการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน
เป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันทำให้สำเร็จ
ที่เป็นโรงเรียน Buffer School คือโรงเรียนสวนผึ้งวิทยา และโรงเรียนบ้านตะโกล่าง ได้เข้าร่วมประชุม
สัมมนาโครงการดังกล่าว ที่โรงแรมเอเซีย แอร์พอร์ต รังสิต ปทุมธานี การประชุมสัมมนาครั้งนี้
มีที่ปรึกษาโครงการเข้าร่วมประชุมเป็นครั้งแรก ที่ปรึกษาของโรงเรียนสวนผึ้งวิทยา และโรงเรียน
บ้านตะโกล่าง เป็นบุคคลที่มีคุณภาพและ อดีตเป็นข้าราชการ ของกระทรวงศึกษาธิการทั้งสองท่าน
โรงเรียนสวนผึ้งวิทยา คือ ผศ. เทวี สวรรยาธิปัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง และโรงเรียน
บ้านตะโกล่างคือ อาจารย์สุวรรณา ไชยวัฒนานนท์ ศึกษานิเทศก์ 9 สำนักงานการประถมศึกษา
จังหวัดราชบุรี ประเด็นสำคัญในเรื่องอาเซียนสำหรับการประชุมครั้งนี้คือ การชี้ให้เห็นถึงความสำคัญ
ของอาเซียนที่คนไทยจะต้องมีความรู้ความเข้าใจ การตระหนักในความสำคัญของอาเซียน การปฏิบัติตน ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศหนึ่งในอาเซียน สำหรับโรงเรียนในโครงการ ผลที่เกิดกับเด็ก
ครู ประชาชนในโรงเรียน และโรงเรียนเครือข่าย จะต้องแสดงให้เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร
ก่อนอื่นต้องมีความเข้าใจในเรื่องต่างๆ ดังนี้
ความเข้าใจในเรื่องประชาคมอาเซียน
ยุทธศาสตร์ประเทศไทยในประชาคมอาเซียน
อิทธิพลของกระแสโลกกระทบทั้งอาเซียนและประเทศไทย
กระแสโลกาภิวัตน์
เศรษฐกิจในอนาคต สังคมโลกในอนาคต
การรวมตัวของประเทศต่างๆ
เป้าหมายของอาเซียน
คุณลักษณะของเด็กไทย
ฯลฯ
ประเด็นที่สำคัญที่จะต้องช่วยกันทำให้สำเร็จคือ การพัฒนาการเรียนรู้สู่ประชาคมอาเซียน
เป็นโจทย์ข้อใหญ่ที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันทำให้สำเร็จ
วันอาทิตย์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2553
ข้อคิดเรื่องการอ่าน เขียนส่งเสริมคุณภาพเด็กไทย
เราจะทำให้เด็กไทยรักการอ่าน เขียน ได้อย่างไร คงเป็นภาระหน้าที่ของพวกเรา ที่สอนเด็ก
ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถม ตลอดจนถึงในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งแต่ระดับมีเทคนิคและวิธีการที่
แตกต่างกัน จะขอกล่าวถึงประเทศเกาหลีใต้ที่กำลังก้าวไกลด้วยการพัฒนาเด็กด้วยพลังการอ่าน
เขียน ผู้อำนวยการสถาบันการแปลวรรณกรรมเกาหลี กล่าวว่า วัฒนธรรมการอ่านของเกาหลีใต้
เข้มแข็งมาก เพราะเชื่อว่าการอ่านย่อมส่งผลถึงสติปัญญา ซึ่งสติปัญญาคือพลังในการพัฒนา
ประเทศ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือ คนเกาหลีใต้ใช้ทุกช่วงเวลาว่างอ่านหนังสือ จะนั่ง
ในรถไฟฟ้า ร้านกาแฟ ป้ายรถเมล์ แทบทุกคนจะพกหนังสืออยู่ในมือ ยิ่งถ้าเป็นร้านหนังสือใหญ่ๆ
จะเห็นแต่ละคนคล้องตะกร้าใบใหญ่ไว้ที่แขนและเลือกซื้อหนังสือราวกับซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต
ส่วนการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย จะบังคับให้เด็กอ่านวรรณกรรมหนักๆ ทั้งของต่าง
ประเทศและในประเทศเป็นหนังสือนอกเวลาตั้งแต่เด็ก แล้วถ้าอยากเข้าเรียนต่อไม่ว่าจะคณะไหน
ก็ตามในมหาวิทยาลัยดีๆ ดังๆ นอกจากตำราเรียนแล้ว ต้องขยันอ่านวรรณกรรมทั้งร้อยแก้ว และ
บทกวีด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการ จะมีรายชื่อหนังสือที่ต้องอ่านมาให้ 5 เล่ม เพราะในการสอบ
เข้าจะมีการเขียนเรียงความในหัวข้อวิจารณ์วรรณกรรม 1 ใน 5 เล่มนั้น ฉะนั้นการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนของเรา ควรจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนให้เด็กของเรามีพฤติกรรมการ
รักการอ่านซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการเรียนต่อไป
ตั้งแต่ระดับปฐมวัย ประถม ตลอดจนถึงในระดับมัธยมศึกษา ซึ่งแต่ระดับมีเทคนิคและวิธีการที่
แตกต่างกัน จะขอกล่าวถึงประเทศเกาหลีใต้ที่กำลังก้าวไกลด้วยการพัฒนาเด็กด้วยพลังการอ่าน
เขียน ผู้อำนวยการสถาบันการแปลวรรณกรรมเกาหลี กล่าวว่า วัฒนธรรมการอ่านของเกาหลีใต้
เข้มแข็งมาก เพราะเชื่อว่าการอ่านย่อมส่งผลถึงสติปัญญา ซึ่งสติปัญญาคือพลังในการพัฒนา
ประเทศ สิ่งหนึ่งที่สังเกตได้อย่างชัดเจนคือ คนเกาหลีใต้ใช้ทุกช่วงเวลาว่างอ่านหนังสือ จะนั่ง
ในรถไฟฟ้า ร้านกาแฟ ป้ายรถเมล์ แทบทุกคนจะพกหนังสืออยู่ในมือ ยิ่งถ้าเป็นร้านหนังสือใหญ่ๆ
จะเห็นแต่ละคนคล้องตะกร้าใบใหญ่ไว้ที่แขนและเลือกซื้อหนังสือราวกับซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต
ส่วนการสอบเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัย จะบังคับให้เด็กอ่านวรรณกรรมหนักๆ ทั้งของต่าง
ประเทศและในประเทศเป็นหนังสือนอกเวลาตั้งแต่เด็ก แล้วถ้าอยากเข้าเรียนต่อไม่ว่าจะคณะไหน
ก็ตามในมหาวิทยาลัยดีๆ ดังๆ นอกจากตำราเรียนแล้ว ต้องขยันอ่านวรรณกรรมทั้งร้อยแก้ว และ
บทกวีด้วย โดยกระทรวงศึกษาธิการ จะมีรายชื่อหนังสือที่ต้องอ่านมาให้ 5 เล่ม เพราะในการสอบ
เข้าจะมีการเขียนเรียงความในหัวข้อวิจารณ์วรรณกรรม 1 ใน 5 เล่มนั้น ฉะนั้นการจัดกิจกรรม
การเรียนการสอนของเรา ควรจะต้องกำหนดจุดมุ่งหมายอย่างชัดเจนให้เด็กของเรามีพฤติกรรมการ
รักการอ่านซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพการเรียนต่อไป
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)